วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

การจัดตั้งศูนย์ในฝันจำลอง เพื่อฝึกประสบการณ์ในการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้


โครงการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย

หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในการดำเนินชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การติดต่อสื่อสาร เครื่องใช้ในครัวเรือน หรือแม้แต่ของเล่นของเด็กในยุคปัจจุบันก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทำเป็นของเล่น ก็กลายเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น และการละเล่นพื้นบ้านไทยก็ค่อยๆหายไปจากสังคมไทย เด็กในยุคปัจจุบันก็ไม่รู้จักกับของเล่นหรือการละเล่นพื้นบ้านของไทย
การละเล่นของเด็กไทยในปัจจุบัน เด็กผู้หญิงเล่นตุ๊กตากระดาษชุดขายของพลาสติกเลียนแบบของจริง วิดีโอเกม เด็กผู้ชายก็เล่นปืน จรวด เกมกด และเครื่องเล่นต่างๆ ซึ่งมีขายมากมาย และมีการละเล่นหลาย ชนิดที่นิยมเล่นทั้งในเด็กชายและเด็กหญิง นอกจากนั้นยังเล่นตามฐานะและเศรษฐกิจของครอบครัว ดังนั้นการละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อนจึงค่อยๆ เลื่อนหายไปทีละน้อยๆ จนเกือบจะสูญหายไปหมดแล้ว เช่น กาฟักไข่ เขย่งเก็งกอย ตั้งเต ตี่ ขี่ม้าส่งเมืองขี้ตู่กลางนา เตย งูกินหาง ช่วงชัย ชักเย่อ ซ่อนหา มอญซ่อนผ้า ไอ้โม่ง รีรีข้าวสาร ฯลฯ
ดังนั้น กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเห็นถึงความสำคัญของการละเล่นพื้นบ้านไทยจึงอยากจะอนุรักษ์และรณรงค์ให้มีการละเล่นพื้นบ้านไทยเหล่านั้นเอาไว้ไม่ให้สูญหายไป เนื่องจากการละเล่นต่างๆเหล่านั้นล้วนแต่สื่อถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของไทยควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป และการละเล่นพื้นบ้านไทยยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
วัตถุประสงค์
1.             เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้านในแต่ละภาคของประเทศไทย
2.             เพื่อศึกษาวิธีการเล่นการละเล่นพื้นบ้านแต่ละชนิด
3.             เพื่อให้เด็กรุ่นหลังได้ศึกษาและรู้จักการละเล่นพื้นบ้านของไทย
4.             เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดการละเล่นพื้นบ้านไทยไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา
เป้าหมาย
ชาวต่างชาติ ประชาชน  นักเรียน  นักศึกษา และผู้ที่สนใจการละเล่นพื้นบ้านไทย
ผู้รับผิดชอบโครงการ
ว่าที่เรือตรี ดร.อุทิศ  บำรุงชีพ ที่ปรึกษาโครงการ และนิสิตสาขาเทคโนโลยีการศึกษา กลุ่ม402 ที่ลงทะเบียนรายวิชา 423312 การจัดการทรัพยากรการเรียนรู้ (Learning Resources Center Management)
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.             เกิดแหล่งเรียนรู้ทางด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมการละเล่นพื้นบ้านของไทย
2.             เป็นแหล่งข้อมูลที่ทำให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รู้จักกับการละเล่นพื้นบ้านไทย
3.             เป็นการอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านของไทยให้คงอยู่


เกี่ยวกับศูนย์


ประวัติความเป็นมา
                ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย ได้จัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยบูรพาและภาควิชานวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่ และเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมอันดีงามของคนไทยเอาไว้ เนื่องจากในปัจจุบันนี้นั้นวัฒนธรรมทางด้านการละเล่นได้แปรเปลี่ยนไป ซึ่งทางผู้จัดตั้งจึงได้เล็งเห็นความสำคัญของวัฒนธรรมที่ดีงามควรแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และสืบทอดวัฒนธรรมการละเล่นพื้นบ้านของไทยต่อไป

การจัดแสดง
ห้องที่ ห้องรับชมประวัติความเป็นมาของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้านไทย เป็นห้องที่ให้ผู้ที่เข้าชมภายในศูนย์นั้นรับชมวิดีทัศน์เกี่ยวกับความเป็นมาของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้การละเล่นพื้นบ้าน

ห้องที่ ห้องประวัติและความเป็นมาของการละเล่นพื้นบ้านไทย เป็นห้องที่จัดแสดงประวัติและความเป็นมาของการละเล่นพื้นบ้านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร

ห้องที่ ห้องการละเล่นพื้นบ้านไทย โดยภายในจะมีการแบ่งการละเล่นพื้นบ้านออกเป็น 4ภาค ได้แก่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน และภาคใต้

ห้องที่ ห้องคุณค่าของการละเล่นพื้นบ้านไทย เป็นห้องที่จัดแสดงให้เห็นถึงคุณค่า และประโยชน์ที่ได้รับจากการละเล่นพื้นบ้าน

เวลาทำการ
            วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08:00-17:00 น.  
วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 09:00-18:00 น.
วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08:00-18:00 น.

ค่าบัตรเข้าชม
เด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าชมฟรี
ผู้ใหญ่ ราคา 25 บาท

การเดินทาง
1.   ทางบกสามารถใช้บริการของรถประจำทางหมายเลขต่อไปนี้
รถโดยสารประจำทาง ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งหมอชิต หรือเอกมัย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง รถจะจอดบริเวณแยกบางแสน มีรถให้บริการตามเส้นทาง   ถ.ลงหาดบางแสน จะผ่านหน้ามหาวิทยาลัย
2.    รถตู้ มีให้บริการ 2 จุด คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถตู้จะจอดตรงหลัง Victory Point ติดกับภัตตาคารจีน ราคา 110 บาท ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงรังสิต รถตู้จะจอดตรงด้านหน้าเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ราคา 130 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง


สัญลักษณ์ของศูนย์



ความหมายของสัญลักษณ์ศูนย์
    สีน้ำตาล คือ ความเป็นไทย เป็นพื้นบ้าน  หมายถึง การละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ศูนย์การเรียนรู้ต้องการนำเสนอ และเผยแพร่
                สีเขียว คือ ธรรมชาติ หมายถึง อุปกรณ์หรือวัสดุที่ใช้ในการละเล่นล้วนมาจากธรรมชาติ เช่น ก้านกล้วย กะลามะพร้าว  ก้อนหิน เป็นต้น
                รูปเด็ก คือ เป็นตัวแทนของเด็ก หมายถึง การที่เราอนุรักษ์ให้เด็กๆ หันมาเล่นการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งม้าก้านกล้วยเป็นการละเล่นที่นิยมมาก และเป็นที่รู้จักดี

คำขวัญ
                ศูนย์การละเล่นพื้นบ้าน  สืบสานวัฒนธรรมไทย  ร่วมใจอนุรักษ์

ภาพตัวอาคารของศูนย์




                 
วิสัยทัศน์
                มุ่งการพัฒนาและปลูกฝังวิถีการละเล่นพื้นบ้านไทย ให้ทุกคนรู้ถึงคุณค่าของการละเล่น
พื้นบ้านไทย
นโยบาย
1.การมุ่งพัฒนาการละเล่นพื้นบ้านไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
2.การอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านไทยให้คงอยู่
3.การปลูกฝังคุณค่าของการละเล่นพื้นบ้านไทย
       แผนผังโครงสร้างหน่วยงาน



ผู้อำนวยการศูนย์
     มีหน้าที่ควบคุมดูแล บริหารจัดการศูนย์ กำหนดนโยบายต่างๆ และดูแลประสานงานทั้งภายในและภายนอก

รองผู้อำนวยการ
    มีหน้าที่รักษาการแทนผู้อำนวยการ และประสานงานกับฝ่ายต่างๆได้

เลขานุการ
    มีหน้าที่ ประสานงานต่างๆ จดบันทึกการประชุม และรับคำสั่งจากผู้อำนวยการ เพื่อนำไปประสานงานกับฝ่ายต่างๆ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์
     มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ข่าวสารต่างๆของศูนย์การเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นทางสื่อต่างๆเช่น วิทยุ โทนทัศน์ อินเตอร์เนต เป็นต้น

ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล
     มีหน้าที่รวบรวมข้อมูล นำมาวิเคราะห์สังเคราะห์ เพื่อนำไปเผยแพร่และนำไปเสนอผู้อำนวยการศูนย์

ฝ่ายบริหารการจัดการ
     มีหน้าที่จัดการระบบงาน วางแผนต่างๆ เพื่อให้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ 

ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
      มีหน้าที่ควบคุมดูแลเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การทำสื่อวีดีทัศน์ การผลิตสื่อเสียง  เว็บไซต์ เป็นต้น


QR Code






วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 9 การประสานงาน การรายงาน การเงินงบประมาณ

แบบฝึกหัด


1. การประสานงานมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ตอบ : มี 2 ประเภท ดังนี้
1) การประสานงานภายในองค์การและภายนอกองค์การ การประสานงานภายใน
องค์การ หมายถึง การประสานงานภายในหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ ส่วนการ
ประสานงานภายนอกองค์การเป็นการประสานงานระหว่างหน่วยงานหรือการ
ติดต่อกับบุคลลภายนอกต่าง ๆ
2) การประสานงานในแนวดิ่ง และการประสานงานในแนวราบ การประสานงาน
ในแนวดิ่ง หมายถึง การประสานงานจากผู้บังคับบัญชามาสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา
(Top down) และการประสานงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปยัง
ผู้บังคับบัญชา (Bottom up) ส่วนการประสานงานในแนวราบ หมายถึง การ
ประสานงานในระดับเดียวกัน

2. ให้นิสิตอธิบายความสำคัญของการประสานงานกับการจัดศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
ตอบ : 1) การแบ่งแผนกซึ่งช่วยในการประสานงาน กล่าวคือ การจัดแผนกต่าง ๆ บางแผนกมีความจำเป็นต้องประสานกันควรอยู่ใกล้ชิดกันเนื่องจากการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้ที่ท างานอัน
เกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกันมากขึ้น
2) การแบ่งตามหน้าที่
3) การจัดวางรูปงานและระเบียบการที่ชัดแจ้งแก่ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง

3. การรายงานผลมีความสำคัญต่อการจัดศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร
ตอบ : การรายงานผลการดำเนินงานการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ เป็นส่วนสำคัญในการแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบให้กับผู้บังคับบัญชา หรือสาธารณชนได้รับทราบผลการดำเนินงาน และเป็นการนำเสนอเพื่อปรับปรุงในการดำเนินงานครั้งต่อ ๆ ไป

4. ประเภทของเงินงบประมาณในการจัดศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง
ตอบ : แบ่งออกเป็น 7 หมวด ดังนี้
1) หมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำ : “เงินเดือน” หมายความว่า เงินที่จ่ายให้แก่ข้าราชการทุก
ประเภทเป็นรายเดือนโดยมีอัตราก าหนดไว้แน่นอนในบัญชีถือจ่ายเงินเดือนประจำ ที่กรมบัญชีกลาง ได้ตรวจสอบยืนยันว่าถูกต้องแล้ว และรวมตลอดถึงเงินที่กระทรวงการคลังก าหนดให้จ่ายในลักษณะเงินเดือนและเงินเพิ่มอื่น ๆ ที่จ่ายควบกับเงินเดือน 2) รายจ่ายหมวดค่าจ้างชั่วคราว : “ค่าจ้างชั่วคราว” หมายความว่า เงินที่จ่ายเป็นค่าจ้างให้แก่
ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการตามสัญญาจ้างต่อปี/ต่อเดือน/ต่อวัน
3) รายจ่ายหมวดค่าตอบแทนใช้สอย และวัสดุ : “ค่าตอบแทน” หมายความว่า เงินที่จ่ายตอบแทนให้แก่ ผู้ปฏิบัติงานให้ทางราชการ เช่น เงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ เงินตอบแทนตำแหน่งและเงินอื่น ๆ ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง อาทิ เงินช่วยเหลือ เกี่ยวกับการศึกษาของบุตร เงินช่วยเหลือในการทำศพ
เป็นต้น “ค่าใช้สอย” หมายความว่า รายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการใด ๆ (นอกจากบริกาสาธารณูปโภค) รายจ่ายเกี่ยวกับการรับรองและพิธีการ และรายจ่ายเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติราชการที่ไม่เข้าลักษณะรายจ่ายหมวดอื่น ๆ “ค่าวัสดุ” หมายความว่า
1. รายจ่ายเพื่อซื้อ แลกเปลี่ยน จ้างทำ ทำเองหรือกรณีอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในสิ่งของดังต่อไปนี้
1.1 สิ่งของซึ่งโดยสภาพเมื่อใช้แล้วย่อมสิ้นเปลือง หมดไปเอง แปรสภาพ หรือไม่คงสภาพเดิมอีกต่อไป หรือ
1.2 สิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวร แต่มีอายุการใช้งานมในระยะเวลาประมาณไม่เกิน 1 ปี หรือ
1.3 สิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวรและมีอายุการใช้งานในระยะเวลาประมาณ1 ปีขึ้นไป แต่มีราคาหน่วยหนึ่งหรือชุดหนึ่งไม่เกิน 5,000 บาท ยกเว้นสิ่งของตามตัวอย่างสิ่งของที่เป็นครุภัณฑ์หรือ
1.4 สิ่งของที่ส่วนราชการซื้อมาใช้ในการบ ารุงรักษาหรือซ่อมแซมทรัพย์สิน
เพื่อให้มีสภาพหรือประสิทธิภาพคงเดิม
4) รายจ่ายหมวดค่าสาธารณูปโภค : “ค่าสาธารณูปโภค” หมายความว่า รายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการ สาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าไปรษณีย์ ค่าโทรเลข ค่าธนาณัติ ค่าซื้อดวงตราไปรษณียากร ค่าเช่าตู้ไปรษณีย์ ค่าบริการทางด้านโทรคมนาคม
5) ค่าที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง : หมายความว่า รายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินและหรือสิ่งก่อสร้าง
รวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ซึ่งติดกับที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการปรับปรุงที่ดิน หรือสิ่งก่อสร้าง ซึ่งมิใช่เป็นการซ่อมแซมตามปกติ
6) รายจ่ายหมวดเงินหนุน : “เงินอุดหนุน” มี 2 ลักษณะ ได้แก่
(1) “เงินอุดหนุนทั่วไป” หมายความว่า เงินที่จ่ายเพื่อช่วยเหลือจ่ายเป็นค่าบำรุงแก่องค์การ เอกชน นิติบุคคล หรือกิจการอันเป็นสาธารณะประโยชน์
(2) “เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ” หมายความว่า เงินที่จ่ายเพื่อช่วยเหลือแก่องค์การเอกชน นิติบุคคล หรือกิจการอันเป็นสาธารณะประโยชน์ตามรายการและรายละเอียดที่สำนักงานประมาณกำหนด
7) รายจ่ายหมวดรายจ่ายอื่น : “รายจ่ายอื่น” หมายความว่า รายจ่ายต่าง ๆ ซึ่งไม่เข้าลักษณะรายจ่ายหมวดหนึ่งหมวด


5. เงินอุดหนุนโดยอนุโลมมีอะไรบ้าง อธิบาย
ตอบ :   1. ค่าฌาปนกิจ          
             2. ค่าสินบน
             3. ค่ารางวัลนาจับ
             4. เงินอื่น ๆ ที่สานักงบประมาณกำหนดเพิ่มเติม

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 5


การดูแลรักษาทรัพยากรในสำนักหอสมุด
งานบำรุงรักษาทรัพยากร ทำหน้าที่บำรุงรักษาหนังสือให้มีสภาพดี เหมาะสมกับการให้บริการในห้องสมุดซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหนังสือทุกเล่มจำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาเพื่อให้มีสภาพรูปเล่มที่มั่นคงแข็งแรง มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โดยงานบำรุงรักษาทรัพยากร มีนโยบายในการดำเนินงานดังนี้คือ
1. หนังสือทุกเล่มที่รับเข้ามาใหม่ในห้องสมุดก่อนจะทำการจัดหมวดหมู่เพื่อนำส่งขึ้นชั้นให้บริการนั้น จะต้องผ่านกระบวนการคัดแยกตามประเภทของปก และประเภทของสิ่งพิมพ์ กล่าวคือจะคัดแยกหนังสือออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ หนังสือปกแข็ง หนังสือปกอ่อน และวิทยานิพนธ์ (ฉบับสำเนา) หนังสือปกแข็งจะคัดแยกและนำส่งฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ หนังสือปกอ่อนจะทำการเสริมปกแข็ง และวิทยานิพนธ์ฉบับสำเนาจะทำการเย็บเล่มและเข้าปกแข็ง
2. หนังสือที่ออกให้บริการในห้องสมุดแล้วชำรุด ส่วนงานให้บริการผู้ใช้จะรวบรวมส่งให้งานบำรุงรักษาหนังสือดำเนินการรับมาทำความสะอาดและคัดแยกประเภทการซ่อม โดยจำแนกการซ่อมออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การซ่อมแบบสมบูรณ์ (Full repair) การซ่อมกึ่งสมบูรณ์ (Half repair) การซ่อมบางส่วน (Partial repair) และการเย็บเล่มเข้าปกแข็ง (binding) กระบวนการนี้รวมถึงการจัดทำป้ายอักษรชื่อเรื่องของหนังสือและแถบรหัสเลขเรียกหนังสือ เพื่อความสมบูรณ์ในการขึ้นชั้นให้บริการอีกครั้งหนึ่งของหนังสือด้วย
3. การรับหนังสือชำรุดจากส่วนให้บริการผู้ใช้ จะต้องตรวจสอบเอกสารนำส่งซึ่งแนบมาให้ถูกต้องตรงกัน เมื่อมีรายการใดไม่ถูกต้องจะทำการทักท้วงและนำเอกสารส่งคืนเพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องตรงกับจำนวนและรายการหนังสือที่ได้รับจริงทุกครั้ง และเมื่องานบำรุงรักษาหนังสือดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำหนังสือส่งคืนส่วนให้บริการผู้ใช้ครบถ้วนตามจำนวนที่ได้รับ
4. สำหรับหนังสือที่ถูกส่งมารับการบำรุงรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีใด จะเป็นหนังสือใหม่แรกรับหรือหนังสือเก่าออกให้บริการแล้วชำรุดส่งซ่อมก็ตาม เมื่อมีผู้ใช้บริการต้องการใช้ด่วน งานบำรุงรักษาหนังสือจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงหลังจากได้รับคำร้องขอ โดยร้องขอไม่เกินเวลา 14.00 น. ของวันทำการปกติ หากได้รับแจ้งหลังจากเวลานี้ผู้ใช้บริการจะได้รับหนังสือในอีก 1 วันถัดมา
5. วัสดุที่ใช้ในการบำรุงรักษาหนังสือจะเป็นไปด้วยความประหยัดตามวิธีการในการบำรุงรักษาแต่ละวิธีซึ่งแตกต่างกันไป โดยหากวัสดุเดิมของหนังสือยังใช้ได้ จะยังคงใช้เป็นส่วนสำคัญในการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นการซ่อม การเสริมปกแข็งหรือการเข้าปกเย็บเล่มใหม่ก็ตาม

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 4 หลักการจัดการคน - หลักการสั่งการ


 หลักการจัดการคน - หลักการสั่งการ

1.ระบบการบริหารงานบุคคลมีอะไรบ้าง
-         แบ่งเป็น 2 ระบบ คือ
1.             ระบบคุณธรรม Merit System ใช้หลักเกณฑ์
1.1              หลักความเสมอภาค เช่น มีสิทธิสอบได้
1.2              หลักความสามารถ เช่น คัดเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงไว้ก่อน
1.3              หลักความมั่นคง เช่น ถ้าไม่ผิดวินัยก็จะไม่ถูกลงโทษให้ออกจนอายุเกษียณ
1.4              หลักความเป็นกลางทางการเมือง
2.             ระบบอุปถัมภ์ Patronage System ยึดพวกพ้องเครือญาติหรือผู้มีอุการะคุณ
2. การจำแนกตำแหน่งมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
-         3 ประเภท  คือ   1. การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะตำแหน่งPosition  
      2.การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะยศ Rank Classifcation 
      3. การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะชั้นยศทางวิชาการ
3.  ขั้นตอนของการวางแผนกำลังคนมีอะไรบ้าง
§  ศึกษานโยบายและแผนขององค์การ กระบวนการวางแผนกาลังคนต้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนขององค์การ และคาดคะเนปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายและแผนขององค์การ เช่น แนวโน้มของธุรกิจนั้น ๆ ในอนาคต, การขยายตัวและการเจริญเติบโตขององค์การ (และคู่แข่ง), การเปลี่ยนแปลงรูปแบบและโครงสร้างองค์การ, การเปลี่ยนแปลงในแนวคิดปรัชญาการบริหารในอนาคต, บทบาทของรัฐบาล, บทบาทสหภาพแรงงาน, การแข่งขันของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ
§  การตรวจสภาพกาลังคน ; ค้นหาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับสภาพกาลังคนที่มีอยู่ในองค์การ เช่น จานวนตำแหน่ง อัตรากาลังคน ความสามารถของพนักงานที่มีอยู่ การตรวจสภาพกาลังคนอาจจะทาได้ดังต่อไปนี้
1.การวิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง องค์การมีตำแหน่งอะไรบ้าง มีคุณสมบัติแต่ละตำแหน่งอย่างไรบ้าง
2.การทาบัญชีรายการทักษะ ตรวจสภาพพนักงานแต่ละคนมีความสามารถ ชำนาญถนัดในด้านใดบ้าง
3.คาดการความสูญเสียกาลังคนในอนาคต ใครจะลาออกในอนาคต ใครเกษียณอายุปีหน้าบ้าง
4.ศึกษาความเคลื่อนไหวภายในเกี่ยวกับ การเลื่อนขั้น เลื่อนตาแหน่ง โยกย้าย ให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา
 §  การพยากรณ์ความต้องการกาลังคน คล้ายกับการตรวจสภาพกาลังคน แต่การพยากรณ์มุ่งเน้นอนาคต จะอาศัยปัจจัยต่อไปนี้เพื่อช่วยในการพยากรณ์คือ
1.ปริมาณการผลิต
2.การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
3.อุปสงค์และอุปทาน
4.การวางแผนอาชีพให้แก่พนักงาน Career Planning
 §  การเตรียมหาคนสาหรับอนาคต อาจทาได้ดังนี้
1.การฝึกอบรมพัฒนาพนักงานที่มีอยู่ ช่วยขวัญกาลังใจ แผนอาชีพ
2.การสรรหาคัดเลือกบุคคลจากภายนอก ตลาดแรงงาน
4. การวางแผนกำลังคนที่ดีมีอะไรบ้าง
-   1. ภาระงาน Workload หน้าที่ความรับผิดชอบชั่วโมงงาน
   2. การออกแบบงาน Job Design เป็นการออกแบบโครงสร้างงานต่างๆ ทั้งองค์การว่ามีกลุ่มงานอะไรบ้าง
   3. การวิเคราะห์งาน Job Analysis วิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง กำหนดคุณลักษณะที่จาเป็นแต่ละตำแหน่ง เช่น ความสำคัญของงาน ระดับความเป็นอิสระ ตัวบ่งชี้ผลลัพธ์ของงาน ความรู้ความสามารถและทักษะที่จาเป็น เพื่อกำหนดรายละเอียดของตำแหน่ง Job Description และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification
    4. รายละเอียดของตำแหน่งงาน Job Description เป็นการกำหนดชื่อตำแหน่งงานที่ต้องปฏิบัติ
    5. คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification เป็นการกำหนดรายละเอียดในตำแหน่งลึกลงไปอีก
    6. การทาให้งานมีความหมาย Job Enrichment เป็นวิธีการจูงใจและพัฒนาบุคลากรให้เกิดความพึงพอใจในการทางาน (จิ๋วแต่แจ๋ว, เล็กดีรสโต) (Job Enlargement) เล็ก ๆ มิต้าไม่ ใหญ่ ๆ มิต้าทา


5. องค์ประกอบของการอำนวยการมีอะไรบ้าง จงอธิบาย
- 1.งานของผู้อานวยการ มีกิจกรรมดังนี้
1.1 ด้านการวางแผน ; มีส่วนในการกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดลักษณะงาน ช่วยตีความนโยบายขององค์การให้บุคลากรทราบ พัฒนาสิ่งใหม่ ปรับปรุงระบบและวิธีปฏิบัติให้ดีขึ้น
1.2 ด้านการจัดองค์การ ; มอบหมายงาน แบ่งงาน กำหนดมาตรฐานงาน กำหนดสายบังคับบัญชาและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดูแลการปฏิบัติงาน
1.3ด้านการปฏิบัติการของผู้อำนวยการ ;กำหนดการเปลี่ยนแปลงบุคคล ประเมินผลการปฏิบัติแต่ละคน ฝึกบุคคลไว้ทดแทน ดูแลความสัมพันธ์และขวัญแก่บุคลากร ศึกษาความจาเป็นและต้องการของบุคคลากร
1.4 ด้านการควบคุม ;ติดตามวิธีการและขบวนการปฏิบัติ กำหนดมาตรฐานสาหรับงานแต่ละอย่าง วัดผลผลิต ตรวจสอบความถูกต้องและปริมาณงาน
6. ประเภทของการอำนวยการมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
โดยวาจา
โดยลายลักษณ์อักษร ได้แก่
1. ทาบันทึกข้อความ
2. หนังสือเวียน
3. คาสั่ง
4. ประกาศ
7. รูปแบบของการอำนวยการมีอะไรบ้าง
- 1.คำสั่งแบบบังคับ
2.คำสั่งแบบขอร้อง
3.คำสั่งแบบแนะนาหรือโดยปริยาย
4.คำสั่งแบบขอความสมัครใจ
8. การอำนวยการที่ดีมีอะไรบ้าง
ต้องชัดเจน
ให้คำสั่งมีลักษณะแน่นอน ไม่ใช่ตามอารมณ์
ถ้าผู้รับคำสั่งมีท่าทีสงสัย ให้ขจัดความสงสัยทันที
ใช้นาเสียงให้เป็นประโยชน์
วางสีหน้าเข้มแข็งเอาจริงเอาจัง
ใช้ถ้อยคำอย่างสุภาพ
ลดคำสั่งที่มีลักษณะ ห้ามการกระทาให้เหลือน้อยที่สุด
อย่าออกคำสั่งในเวลาเดียวกัน มากเกินไป
ต้องแน่ใจว่าการออกคำสั่งหลาย ๆ คำสั่ง ไม่ได้ขัดแย้งกันเอง
ถ้าผู้รับปฏิบัติ ปฏิบัติไม่ได้ อย่าบันดาลโทสะ พิจารณาตนเองว่าเหตุใดคำสั่งไม่ได้ผล อย่าโยนความผิดให้ผู้รับคำสั่ง

9. ให้นิสิตอธิบายความเชื่อมโยงการบริหารงานบุคคลกับการอำนวยการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนอย่างไร
- การอำนวยการในการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ ต้องพิจารณาถึงปัญหาและความก้าวหน้าของหน่วยงานโดยมุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรเป็นหลักในการตัดสินใจ ดังนั้นการอำนวยการจึงต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ในการอำนวยการ
- ศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ บุคคล สิ่งประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่  ซึ่งมีอยู่กระจัดกระจาย ทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท อันเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของมนุษย์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ค้นพบได้อย่างไม่รู้จบ
               ทรัพยากรการเรียนรู้  (Learning Resources)ทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง  ทรัพยากรทุกชนิด ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้แบบเชิงเดี่ยว หรือแบบผสม แบบไม่เป็นทางการ เพื่อเอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ ทรัพยากรการเรียนรู้ ได้แก่ข้อสนเทศ/ข่าวสาร บุคคล วัสดุ เครื่องมือ เทคนิค และอาคารสถานที่    หรืออาจกล่าว โดยสรุปได้ว่า ทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยผู้เรียนเกิดการเรียนรู้  






               

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 3 วางแผน Planning - Organizing


นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์

นโยบาย และวัตถุประสงค์
- เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชนบท
- เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมสังคมไทยให้สนใจและเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อ การพัฒนาประเทศ และปลูกฝังให้เยาชนมีทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- เพื่อเป็นสถานที่ให้ความรู้และความเพลิดเพลินของครอบครัว รวมทั้งเป็นแหล่งท่อง เที่ยวของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

วิสัยทัศน์             
           :    มุ่งมั่นความเป็นเลิศในการพัฒนาระบบและมาตรฐานการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ศึกษา สำหรับเด็ก นักเรียน นักศึกษาและประชาชนผ่านสื่อนิทรรศการและกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ


พันธกิจ
:   พัฒนากลไกเพื่อส่งเสริมสังคมไทยให้เห็นความสำคัญ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ความตระหนักและมีจิตสำนึกเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สร้างกลไกสนับสนุนการเรียนรู้ และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมทางการศึกษา ด้วยสื่อการเรียนรู้ กิจกรรมการศึกษาหลากหลายรูปแบบ และเทคโนโลยีสารสนเทศ แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป พัฒนาและยกระดับศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทุกระดับ ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมมือกับเครือข่ายและภาคี ทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา พัฒนาสู่องค์การเอื้อการเรียนรู้ ที่สามารถบริหาร จัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 กลุ่มเป้าหมายของศูนย์
:  เปิดให้บริการกับประชาชนทุกระดับ
แหล่งที่มาของศูนย์
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดตั้งโดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์จัดแสดงนิทรรศการและจัดกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี นำเสนอสาระน่ารู้นับจากการค้นพบทฤษฎี หลักการ และการประดิษฐ์ในอดีต ความก้าวหน้าถึงปัจจุบันและแนวโน้มสู่อนาคต นิทรรศการและชิ้นงานที่จัดแสดงนำเสนอ ในรูปแบบที่ให้ผู้ชมสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจด้วยการสัมผัส ทดลอง ร่วมแสดง และโต้ตอบกับชิ้นงานแสดงต่างๆ
แผนการดำเนินงาน (ถ้ามี)               ไม่มี

วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 2 ความรู้พื้นฐานของการจัดการ

การจัดการ (Defining management)



ความหมายของการจัดการ (Defining management)
การจัดการ คือ กระบวนการที่ดำเนินกาองค์การและการจัดการ (Organization and Management) เรียกย่อๆว่า O&M เป็นภารกิจที่มีความสำคัญองค์การมาก  เพราะเป้าหมายของการจัดองค์การและการจัดการก็คือเพื่อให้องค์การบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ  นั่นคือ  ประหยัดเวลา  ทรัพยากร  แรงงาน  และได้ผลผลิตสูง รตามขั้นตอนต่าง ๆ ตามเป้าหมายขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล   มี 2 ประเภท คือ 
               1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม
                2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม 

การจัดการความรู้เป็นการดำเนินการอย่างน้อย 6 ประการต่อความรู้
(1) การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็นหรือสำคัญต่องานหรือกิจกรรมของกลุ่มหรือองค์กร                                                                 (2) การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ
(3) การปรับปรุง ดัดแปลง หรือสร้างความรู้บางส่วน ให้เหมาะต่อการใช้งานของตน
(4) การประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจการงานของตนตน                                                                                                                                                                                              (5) การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด ขุมความรู้ออกมาบันทึกไว้
(6) การจดบันทึก ขุมความรู้และ แก่นความรู้สำหรับไว้ใช้งาน และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน ลุ่มลึกและเชื่อมโยงมากขึ้น เหมาะต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ตั้งเป้าหมายการจัดการความรู้เพื่อพัฒนา
งาน  :    พัฒนางาน
คน    :  พัฒนาคน
องค์กร :  เป็นองค์กรการเรียนรู้
ความเป็นชุมชนในที่ทำงาน การจัดการความรู้จึงไม่ใช่เป้าหมายในตัวของมันเอง นี่คือ หลุมพรางข้อที่ 1 ของการจัดการความรู้ เมื่อไรก็ตามที่มีการเข้าใจผิด เอาการจัดการความรู้เป็นเป้าหมาย ความผิดพลาดก็เริ่มเดินเข้ามา อันตรายที่จะเกิดตามมาคือ การจัดการความรู้เทียม หรือ ปลอม เป็นการดำเนินการเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่ามีการจัดการความรู้ การริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้ แรงจูงใจ การริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้เป็นก้าวแรก ถ้าก้าวถูกทิศทาง ถูกวิธี ก็มีโอกาสสำเร็จสูง แต่ถ้าก้าวผิด ก็จะเดินไปสู่ความล้มเหลว ตัวกำหนดที่สำคัญคือแรงจูงใจในการริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้
การจัดการความรู้ที่ดีเริ่มด้วย
สัมมาทิฐิ : ใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุความสำเร็จและความมั่นคงในระยะยาว
การจัดทีมริเริ่มดำเนินการ
การฝึกอบรมโดยการปฏิบัติจริง และดำเนินการต่อเนื่อง
การจัดการระบบการจัดการความรู้
องค์ประกอบสำคัญของการจัดการความรู้ (Knowledge Process) 

1. “คนถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นแหล่งความรู้ และเป็นผู้นำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์
2.“เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อให้คนสามารถค้นหา จัดเก็บ แลกเปลี่ยน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้อย่างง่าย และรวดเร็วขึ้น
3. “กระบวนการความรู้นั้น เป็นการบริหารจัดการ เพื่อนำความรู้จากแหล่งความรู้ไปให้ผู้ใช้ เพื่อทำให้เกิดการปรับปรุง และนวัตกรรม



แหล่งที่มา : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=5e96fc0c736935b7&pli=1




การจัดการในสำนักหอสมุด




โครงสร้างการบริหาร


การให้บริการ
บริการยืม-คืนทรัพยากรห้องสมุด
เป็นการให้บริการยืมและรับคืนทรัพยากรสารสนเทศ โดยระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ บริเวณเคาน์เตอร์ยืม-คืน ชั้น 2 ของสำนักหอสมุดและให้บริการตามเวลาที่ห้องสมุดเปิดบริการ ตามสิทธิการยืมของสมาชิกห้องสมุดแต่ละประเภท  ผู้มีสิทธิยืมหนังสือได้ต้องทำบัตรสมาชิกห้องสมุดโดยแสดงบัตรข้าราชการ บัตรพนักงานมหาวิทยาลัย บัตรนิสิต หรือบัตรสมาชิกห้องสมุด ทุกครั้งที่ติดต่อยืมทรัพยากร
บริการวารสารและนิตยสาร
เป็นการให้บริการวารสารภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ  ฉบับใหม่ล่าสุดจัดเก็บในแฟ้มปกพลาสาติก ให้บริการบนชั้นวารสารใหม่ โดยเรียงตามลำดับอักษร ก-ฮ และ A-Z ใช้บริการได้ที่ ฝ่ายเอกสารและวารสาร ชั้น 4
บริการโสตทัศนศึกษา
เป็นการให้บริการให้ยืม-คืนสื่อโสตฯ ทุกประเภท ให้บริการห้องจัดฉายภาพยนตร์  ให้บริการศูนย์ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง และให้บริการอินเตอร์เน็ต ใช้บริการได้ที่ ฝ่ายโสตทัศนศึกษา ชั้น 6
บริการยืมระหว่างห้องสมุด
เป็นการให้บริการค้นหาและติดต่อสารสนเทศทุกประเภทที่ไม่มีในสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อนำมาให้บริการกับผู้ใช้ โดยผู้ใช้บริการขอสำเนาเอกสารจากบทความวารสาร  หนังสือ วิทยานิพนธ์ งานวิจัย หรือสารสนเทศอื่น ๆ โดยสำนักหอสมุดจะติดต่อไปยังแหล่งอื่น ๆ ที่มีสารเทศนั้น ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ ใช้บริการได้ที่ ฝ่ายบริการสารสนเทศ ชั้น 2
บริการทำบัตรสมาชิกห้องสมุด
ผู้ใช้บริการที่ประสงค์จะยืมทรัพยากรสารสนเทศของสำนักหอสมุด ต้องสมัครเป็นสมาชิกห้องสมุด เพื่อทำบัตรใช้ในการยืมทรัพยากรสารสนเทศ  ใช้บริการได้ที่ฝ่ายบริการสารสนเทศ ชั้น 2
เป็นบริการพิเศษสำหรับอาจารย์ ข้าราชการ พนักงาน ของมหาวิทยาลัยบูรพา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้รับบทความที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการให้บริการจัดทำสำเนาบทความจากวารสารที่มีในสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา
เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้บริการเสนอแนะสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อสารสนเทศที่น่าสนใจหรือต้องการให้สำนักหอสมุดจัดหาเข้าห้องสมุด เนื่องจากสิ่งพิมพ์นั้นใช้ในการประกอบการเรียนการสอน การทำงาน และการทำวิจัยที่สอดคล้องกับหลักสูตรหรือนโยบายของมหาวิทยาลัยบูรพา


เป็นบริการยืมหนังสือ วิทยานิพนธ์ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ให้กับอาจารย์ นักวิจัย บุคลากรในมหาวิทยาลัยบูรพา เพื่ออำนวยความสะดวกและสนับสนุนด้านการเรียน การสอน การวิจัย โดยจัดส่งที่ห้องสมุดคณะฯ ผู้ใช้บริการสามารถรับหนังสือและวิทยานิพนธ์ได้ที่ห้องสมุดคณะฯ ทุกวันพุธเวลา09.30-12.00

2.3 การดูแลรักษาทรัพยากรในสำนักหอสมุด

งานบำรุงรักษาทรัพยากร ทำหน้าที่บำรุงรักษาหนังสือให้มีสภาพดี เหมาะสมกับการให้บริการในห้องสมุดซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหนังสือทุกเล่มจำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาเพื่อให้มีสภาพรูปเล่มที่มั่นคงแข็งแรง มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โดยงานบำรุงรักษาทรัพยากร มีนโยบายในการดำเนินงานดังนี้คือ
1. หนังสือทุกเล่มที่รับเข้ามาใหม่ในห้องสมุดก่อนจะทำการจัดหมวดหมู่เพื่อนำส่งขึ้นชั้นให้บริการนั้น จะต้องผ่านกระบวนการคัดแยกตามประเภทของปก และประเภทของสิ่งพิมพ์ กล่าวคือจะคัดแยกหนังสือออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ หนังสือปกแข็ง หนังสือปกอ่อน และวิทยานิพนธ์ (ฉบับสำเนา) หนังสือปกแข็งจะคัดแยกและนำส่งฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ หนังสือปกอ่อนจะทำการเสริมปกแข็ง และวิทยานิพนธ์ฉบับสำเนาจะทำการเย็บเล่มและเข้าปกแข็ง
2. หนังสือที่ออกให้บริการในห้องสมุดแล้วชำรุด ส่วนงานให้บริการผู้ใช้จะรวบรวมส่งให้งานบำรุงรักษาหนังสือดำเนินการรับมาทำความสะอาดและคัดแยกประเภทการซ่อม โดยจำแนกการซ่อมออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ การซ่อมแบบสมบูรณ์ (Full repair) การซ่อมกึ่งสมบูรณ์ (Half repair) การซ่อมบางส่วน (Partial repair) และการเย็บเล่มเข้าปกแข็ง (binding) กระบวนการนี้รวมถึงการจัดทำป้ายอักษรชื่อเรื่องของหนังสือและแถบรหัสเลขเรียกหนังสือ เพื่อความสมบูรณ์ในการขึ้นชั้นให้บริการอีกครั้งหนึ่งของหนังสือด้วย
3. การรับหนังสือชำรุดจากส่วนให้บริการผู้ใช้ จะต้องตรวจสอบเอกสารนำส่งซึ่งแนบมาให้ถูกต้องตรงกัน เมื่อมีรายการใดไม่ถูกต้องจะทำการทักท้วงและนำเอกสารส่งคืนเพื่อตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องตรงกับจำนวนและรายการหนังสือที่ได้รับจริงทุกครั้ง และเมื่องานบำรุงรักษาหนังสือดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำหนังสือส่งคืนส่วนให้บริการผู้ใช้ครบถ้วนตามจำนวนที่ได้รับ
4. สำหรับหนังสือที่ถูกส่งมารับการบำรุงรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีใด จะเป็นหนังสือใหม่แรกรับหรือหนังสือเก่าออกให้บริการแล้วชำรุดส่งซ่อมก็ตาม เมื่อมีผู้ใช้บริการต้องการใช้ด่วน งานบำรุงรักษาหนังสือจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงหลังจากได้รับคำร้องขอ โดยร้องขอไม่เกินเวลา 14.00 . ของวันทำการปกติ หากได้รับแจ้งหลังจากเวลานี้ผู้ใช้บริการจะได้รับหนังสือในอีก 1 วันถัดมา
5. วัสดุที่ใช้ในการบำรุงรักษาหนังสือจะเป็นไปด้วยความประหยัดตามวิธีการในการบำรุงรักษาแต่ละวิธีซึ่งแตกต่างกันไป โดยหากวัสดุเดิมของหนังสือยังใช้ได้ จะยังคงใช้เป็นส่วนสำคัญในการบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นการซ่อม การเสริมปกแข็งหรือการเข้าปกเย็บเล่มใหม่ก็ตาม